0-2689-9120 info@tcja.or.th

หลักสูตรผู้บริหารรุ่นใหม่ธุรกิจไทย-จีน รุ่นที่ 1 อบรมผู้เรียนในหัวข้อ “คนรุ่นใหม่กับอนาคตการค้าไทย-จีน” โดย นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน เน้นบทบาทสำคัญของคนรุ่นใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ด้วยพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีดิจิทัล และการค้าออนไลน์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว หลักสูตรนี้ช่วยปูทางให้นักธุรกิจรุ่นใหม่เข้าใจโอกาสและความท้าทายในตลาดจีน พร้อมแนวทางการขยายธุรกิจไทยให้ก้าวสู่เวทีโลก

เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2568 ณ โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ กรุงเทพฯ หลักสูตร Young Executive Program (YEP) รุ่นที่ 1 จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ร่วมกับหอการค้าไทย-จีน พร้อมด้วยการสนับสนุนจากรายการจับจ้องมองจีนและ China Media Group ได้เปิดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับอนาคตการค้าไทย-จีน โดยมี นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน เป็นวิทยากรหลัก

นายณรงค์ศักดิ์กล่าวว่า การค้าไทย-จีนมีบทบาทสำคัญต่อกันและกันในเชิงเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเมื่อไทยเป็นส่วนหนึ่งของ “เส้นทางสายไหมศตวรรษที่ 21” หรือ Belt and Road Initiative (BRI) ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของจีน คนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความคิดสร้างสรรค์และเข้าใจบริบทโลกสมัยใหม่ จะเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดทิศทางในอนาคต ด้วยพฤติกรรมการบริโภค เทคโนโลยี และแนวคิดที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้สามารถพัฒนาและยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้าไทย-จีนได้หลายมิติ

นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน

จีน: มหาอำนาจเศรษฐกิจโลก

นายณรงค์ศักดิ์ให้ความเห็นว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนได้รับแรงขับเคลื่อนจากการปฏิรูปเศรษฐกิจและการเปิดประเทศ ตั้งแต่ปี 1978 ในยุคของ เติ้ง เสี่ยวผิง ที่มุ่งพลิกโฉมประเทศจีนให้เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ โดยการดำเนินโครงการสร้างความทันสมัยใน 4 ด้าน ได้แก่ เกษตรกรรม อุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการทหาร

นอกจากนี้ นายณรงค์ศักดิ์ยังชี้ว่า การเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) ในปี 2001 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยให้จีนเปิดตลาดมากขึ้น และสามารถขยายการค้าและอุตสาหกรรมได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันจีนมี GDP สูงถึง 18 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเติบโตจาก 1.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2001

ด้านการส่งออก จีนกลายเป็น ประเทศผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลก โดยสินค้าหลักที่เคยเป็นของเล่นและเสื้อผ้า ได้เปลี่ยนมาเป็นสินค้าเทคโนโลยี เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์มือถือ และรถยนต์ไฟฟ้า นายณรงค์ศักดิ์เน้นย้ำว่า จีนยังเป็นแหล่งนำเข้าสินค้าเกษตรอันดับ 1 ของไทย ซึ่งมีสัดส่วนราว 40% ของการส่งออกทั้งหมดของไทย

ไทย-จีน: หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ

นายณรงค์ศักดิ์กล่าวว่า จีนเป็น คู่ค้าอันดับ 1 ของไทย ตั้งแต่ปี 2013 โดยในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2567 มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศสูงถึง 105,623 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 18.94% ของมูลค่าการค้ารวมของไทย

สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปจีน ได้แก่ ผลไม้ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องคอมพิวเตอร์ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และผลิตภัณฑ์ไม้ นายณรงค์ศักดิ์ระบุว่า การที่ไทยสามารถรักษาสถานะเป็นผู้ส่งออกผลไม้รายใหญ่ให้จีนได้ เกิดจากการเจรจาข้อตกลงด้านการค้าเสรี และการขยายขอบเขตการนำเข้าของจีน

ขณะเดียวกัน ไทยนำเข้าสินค้าจีนในหมวด สินค้าทุน 37% วัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป 36% สินค้าอุปโภคบริโภค 18% และยานยนต์ 4% ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของตลาดไทยที่พึ่งพาเทคโนโลยีจากจีนเป็นหลัก

นายณรงค์ศักดิ์แนะนำว่า นักธุรกิจไทยควรใช้โอกาสนี้ในการขยายตลาด โดยพัฒนาเครือข่ายและนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปรับใช้ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

บทบาทของนักธุรกิจรุ่นใหม่ไทยในตลาดจีน

นายณรงค์ศักดิ์เน้นย้ำว่า นักธุรกิจไทยรุ่นใหม่ถือเป็นกุญแจสำคัญในการขยายโอกาสทางการค้าไปยังจีน โดยมีจุดเด่นที่สามารถนำมาพัฒนาได้ดังนี้:

  1. การใช้เทคโนโลยี – นักธุรกิจรุ่นใหม่สามารถใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Tmall, JD.com และ TikTok เพื่อขยายตลาดและเข้าถึงผู้บริโภคจีนโดยตรง
  2. การสร้างแบรนด์สินค้าไทย – นายณรงค์ศักดิ์แนะนำให้เน้นการพัฒนา อาหารไทย สินค้าเกษตรแปรรูป และผลิตภัณฑ์สมุนไพร ที่มีอัตลักษณ์เฉพาะ เพื่อเจาะตลาดจีนที่มีศักยภาพ
  3. ความเข้าใจในวัฒนธรรมจีน – นักธุรกิจไทยที่สามารถสื่อสารและเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคจีนจะได้เปรียบอย่างมาก
  4. การค้าที่ยั่งยืน – การพัฒนาสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยสร้างความแตกต่างในตลาดจีน
  5. เข้าใจกฎหมายจีน – นายณรงค์ศักดิ์เตือนว่า กฎระเบียบและภาษีศุลกากรของจีนเปลี่ยนแปลงบ่อย นักธุรกิจไทยจึงต้องศึกษาให้รอบคอบ
  6. การสร้างเครือข่ายธุรกิจ – การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศ และการประชุมสัมมนาทางเศรษฐกิจในจีนจะช่วยเปิดโอกาสใหม่ ๆ

ความท้าทายและโอกาสในอนาคต

นายณรงค์ศักดิ์สรุปว่า แม้ตลาดจีนจะเต็มไปด้วยโอกาส แต่ก็มี การแข่งขันที่รุนแรง ความแตกต่างทางวัฒนธรรม และกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงบ่อย อย่างไรก็ตาม ไทยสามารถใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี เช่น ACFTA และ RCEP เพื่อขยายตลาดได้

นายณรงค์ศักดิ์แนะนำให้ นักธุรกิจรุ่นใหม่เตรียมความพร้อมให้ดี ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และสร้างแบรนด์ที่แตกต่าง เพื่อให้สามารถแข่งขันและขยายตลาดจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประมวลบรรยากาศในการอบรม